พระราชวังแวร์ซายมรดกโลกแห่งกรุงปารีส

พระราชวังแห่งนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรุงปารีส อยู่ห่างจากใจกลางเมืองปารีสประมาณ 17 กิโลเมตร ตัวอาคารทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนละเมียดสีขาว มีสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ผสานกับลวดลายอันอ่อนช้อยบรรจง

ในส่วนของ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องบรรทม, ห้องเสวย, ห้องสำราญ และห้องพำนักอื่นๆ จัดแสดงภาพวาด 6,123 ภาพ กับงานแกะสลักอีก 15,034 ชิ้น เรื่องน่าแปลกก็คือ มีการติดตั้งหน้าต่าง 2,153 บาน บันได 67 อัน และเตาผิงกว่า 1,315 เตา แต่กล้บไม่มีห้องน้ำสักห้องเดียว

อีกจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การประดับตกแต่งด้วย โคมไฟระย้า หรือ แชนเดอเรีย ในทุกๆ จุด หรูหราควรค่าแก่การยกย่องให้เป็นพระราชวังที่งดงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจริงๆ ห้องกระจก หรือ The Hall of Mirrors เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ถูกก่อสร้างด้วยกระจกบานยักษ์ใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย ได้ยินมาว่า พระเจ้าหลุยที่ 14 ทรงควบคุมการก่อสร้างเองทั้งหมด สถาปัตยกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวความรักและความงามตามชื่อเทพนิยายวีนัส ตกแต่งด้วยรูปปั้นชุนทรงศึกอันภูมิฐาน แบบโรมัน จากหลักฐานทางประวัติระบุว่า ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์ ได้เข้ามาพักที่ห้องนี้ก่อนเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยที่ 14


อาณาบริเวณกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาของพระราชวังแวร์ซาย รายล้อมด้วยสวนสวยที่ตกแต่งให้มีลวดลายวกวนราวกับเขาวงกต ประดับประดาด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมสัมฤทธิ์และหินอ่อนปั้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน โดดเด่นด้วย น้ำพุจากเทพนิยายกรีก Fountain of Latona สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยิ่งทำให้รอบพื้นที่ดูขลัง ทรงพลัง ดึงดูดเราให้เข้าไปอยู่ในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้อย่างไม่ยาก แต่รู้หรือไม่คะว่า? ความงามของที่แห่งนี้เคยเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมือง นำมาสู่การปฎิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
พระตำหนักเล็กๆ ของพระนางพระนางมารี อองตัวเนต และสวนดอกไม้ส่วนตัว ท่ามกลางหมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งพระนางทรงโปรดที่จะมาพักผ่อนคลายเครียด และใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดาทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น