วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ความหมายเพลง La Marseillaise {เพลงชาติฝรั่งเศส}

   ความหมายเพลง La Marseillaise {เพลงชาติฝรั่งเศส}


La Marseillaise

-----------------

Allons enfants de la Patrie 
ตื่นเถิด ลูกหลานแห่งปิตุภูมิเอ๋ย 

Le jour de gloire est arrivé ! 
วันอันสว่างไสวมาถึงแล้ว 

Contre nous de la tyrannie 
เบื้องหน้าเรา เหล่าทรราช 

L'étendard sanglant est levé. (bis) 
ชักธงอาบเลือดขึ้นแล้ว 

Entendez-vous dans les campagnes 
พวกท่านได้ยินเสียงในท้องทุ่งหรือไม่ ? 

Mugir ces féroces soldats ? 
เสียงโห่ร้องของอ้ายทหารป่าเถื่อนนั่น 

Ils viennent jusque dans vos bras 
มันจะบุกเข้ามาจนประชิดตัว

Égorger vos fils, vos compagnes ! 
เพื่อบั่นศีรษะของลูกเมียที่อยู่ในอ้อมแขนท่าน ! 

Aux armes, citoyens ! 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย

Formez vos bataillons !
จัดกองทัพของพวกท่านไว้ ! 

Marchons, marchons ! 
หน้าเดิน, หน้าเดิน ! 

Qu'un sang impur จงยังให้เลือดชั่ว 
Abreuve nos sillons ! อาบนองรอยผลานไถของเรา ! 

Que veut cette horde d'esclaves, 
จะต้องการอะไรอีกเล่า เจ้าพวกทาส 

De traîtres, de rois conjurés ? 
แห่งคนทรยศและราชาผู้ลวงโลก ?

Pour qui ces ignobles entraves 
ห่วงโซ่อันเลวร้ายนี้มีไว้ให้ใครกัน 

Ces fers dès longtemps préparés ? (bis) 
คงเตรียมเหล็กพวกนี้ไว้มานานแล้วสิ ? (ซ้ำ)

Français, pour nous, ah! Quel outrage, 
ชาวฝรั่งเศสเอ๋ย มันเตรียมไว้กับเรานั่นแหละ อ้า! ช่างโหดร้ายนัก 

Quels transports il doit exciter ! 
มันน่าแค้นเสียเหลือเกิน ! 

C'est nous qu'on ose méditer 
เรานี้แหละคือผู้ที่มันบังอาจ 

De rendre à l'antique esclavage ! 
คิดกดหัวให้เรากลับเป็นทาสอีกครั้ง ! 

Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

Quoi! Des cohortes étrangères 
ชะ! กองทหารต่างชาติพวกนี้หรือ 

Feraient la loi dans nos foyers ! 
หมายจะตรากฎหมายของมันในแผ่นดินเรา ! 

Quoi! Ces phalanges mercenaires 
ชะ! อ้ายพวกทหารรับจ้างนี้นะหรือ 

Terrasseraient nos fiers guerriers ! (bis) 
หมายจะทำลายนักรบผู้ภาคภูมิของเรา ! (ซ้ำ) 

Grand Dieu! Par des mains enchaînées 
พระเป็นเจ้า! ด้วยสองมือที่ถูกล่ามไว้ 

Nos fronts sous le joug se ploieraient 
เราจำต้องก้มหน้าลงภายใต้แอก 

De vils despotes deviendraient 
เพราะผู้กดขี่สารเลวจะกลายเป็น 

Les maîtres de nos destinées ! 
ผู้ลิขิตชะตาชีวิตของพวกเรา ! 

Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

Tremblez, tyrans et vous perfides 
จงสั่นสะท้านเถิด ! เหล่าคนทรยศและทรราช 

L'opprobre de tous les partis 
สิ่งอันน่าอัปยศของมนุษย์ทั้งหลาย 

Tremblez! Vos projets parricides 
จงสั่นสะท้านเถิด ! แผนพิฆาตมาตุภูมิของแก 

Vont enfin recevoir leurs prix ! (bis) 
จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม ! (ซ้ำ) 

Tout est soldat pour vous combattre 
เราทุกคนคือนักรบที่จะสู้กับแก 

S'ils tombent, nos jeunes héros, 
มาตรว่าวีรชนผู้เยาว์ของเราสูญชีพไป 

La terre en produit de nouveaux, 
แผ่นดินย่อมสร้างพวกเขาขึ้นใหม่ 

Contre vous tout prêts à se battre ! 
และพร้อมที่จะเข้าร่วมรบต่อต้านแกเสมอ ! 

Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

Français, en guerriers magnanimes, 
ชาวฝรั่งเศสเอ๋ย ในฐานะนักรบผู้สูงเกียรติ 

Portez ou retenez vos coups ! 
จงรู้จักทั้งใช้และยับยั้งอาวุธของท่าน ! 

Épargnez ces tristes victimes 
จงไว้ชีวิตเหยื่อผู้โศกาดูร 

À regret s'armant contre nous (bis) 
เพราะมิได้เต็มใจจะจับอาวุธต่อต้านพวกเรา (ซ้ำ) 

Mais ces despotes sanguinaires 
แต่ไม่ใช่กับพวกคนกดขี่กระหายเลือด 

Mais ces complices de Bouillé 
แต่ไม่ใช่กับพวกสมคบคิดกับนายพลบุยเย (Bouillé) 

Tous ces tigres qui, sans pitié, 
มันทั้งนั้นคือเสือร้ายไร้ปราณี 

Déchirent le sein de leur mère ! 
ที่ฉีกกระชากทรวงอกของแม่มันเอง ! 


Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

Amour sacré de la Patrie, 
ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ต่อแผ่นดินแม่เอ๋ย 

Conduis, soutiens nos bras vengeurs
จงนำทางและเกื้อหนุนหัตถ์แห่งการล้างแค้นของเรา 

Liberté, Liberté chérie,
เสรีภาพ เสรีภาพที่รักยิ่งเอ๋ย 

Combats avec tes défenseurs ! (bis)
จงมาสู้ร่วมกับผู้พิทักษ์ของเจ้าเถิด ! (ซ้ำ) 

Sous nos drapeaux que la victoire 
ภายใต้ร่มธงของเรานี้ ชัยชนะเอ๋ย 

Accoure à tes mâles accents, 
เจ้าจงมาเร็วไวดุจดังชายชาตรี 

Que tes ennemis expirants 
ขอให้ศัตรูของเจ้าผู้ใกล้ขาดใจตาย, 

Voient ton triomphe et notre gloire ! 
จงได้ประจํกษ์ความมีชัยของเจ้าและเกียรติศักดิ์ศรีของพวกเรา ! 

Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

(Couplet des enfants) (บทประสานเสียงสำหรับเด็ก) 

Nous entrerons dans la carrière 
เราจะขอเข้าแบกรับภาระต่อ 

Quand nos aînés n'y seront plus 
ในยามที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายวอดวายสิ้น 

Nous y trouverons leur poussière 
เราจะขอแสวงหาซึ่งอัฐิธาตุ 

Et la trace de leurs vertus (bis) 
และตามรอยทางแห่งความดีงามของพวกเขาไว้ (ซ้ำ) 

Bien moins jaloux de leur survivre 
เรามิได้อิจฉาในการมีชีวิตอยู่รอด 

Que de partager leur cercueil, 
ยิ่งไปกว่าการได้ร่วมตายในโลงเดียวกัน 

Nous aurons le sublime orgueil 
พวกเราจะขอหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอันสูงส่ง 

De les venger ou de les suivre ! 
ในการล้างแค้น หรือการตามรอยพวกเขาสืบไป ! 


Aux armes, citoyens... 
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย... 

มารียาน สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของฝรั่งเศส

มารียาน สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของฝรั่งเศส


มารียานมีหน้าอกเปลือยเปล่าเพราะเธอกำลังให้อาหารผู้คน เธอไม่ได้ปกปิด เพราะเธอมีอิสระเสรี นั่นคือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส”




ประโยคนี้ของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสที่พูดต่อหน้าที่ประชุมพรรคสังคมนิยม กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เพราะเป็นการเหยียดเพศ ศาสนา และที่สำคัญไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการก่อการร้ายภายในประเทศได้แต่อย่างใด กลับซ้ำให้เกิดความแตกแยกอีกด้วยซ้ำ
เรื่องของเรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวกับ “มารียาน” รูปเขียนที่เป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสเลยแม้แต่น้อย เพราะประเด็นที่ถกเถียงกันตอนแรกนั้นเกี่ยวกับ “เบอร์กินี” หรือชุดว่ายน้ำแบบคลุมทั้งตัวที่สาวชาวมุสลิมสวมไปอาบแดดที่ชายหาดกัน แต่โดนทางการที่ดูแลหาด 26 แห่งในฝรั่งเศสออกข้อห้ามไม่ให้พวกเธอสวมใส่ เพราะกลัวการก่อการร้าย




เรื่องก็ดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี เพราะบางหาดก็ทยอยยกเลิกกฎข้อห้ามนี้แล้ว ด้วยมีแถลงจากศาลปกครองว่าคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย
( ภาพวาดและรูปปั้น =เป็นส่วนหนึ่งในจินตนาการของศิลปิน( มารียาน )
งานนี้นายกมานูเอล วาลส์ น่าจะเสียรังวัดทางการเมืองไปเพียบ เพราะทั้งยูเอ็นก็
ออกมาต่อว่า นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสเองก็ออกมาจวกซะเละว่าไม่มีความรู้เรื่อง
ประวัติศาสตร์ สักแต่ว่าอยากจะพูดเปรียบเปรยไปเรื่อย
ซึ่งมาทิลเดอ ลาร์เฮแฮ นักประวัติศาสตร์ด้านพลเมืองและการปฏิวัติฝรั่งเศส
ทวิตข้อความถล่มนายกฯ ว่า “พูดโดยไม่รู้ประวัติศาสตร์อะไรเลย มารียานเป็น
“คตินิยาย” การเปลือยอกในภาพเป็นแค่สัญลักษณ์ทางศิลปะ วึ่งหยิบยืมมา
จากยุคโบราณ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับความเป็นหญิง และ “ยูจีน เดลาครัวซ์
“ จิตรกรผู้รังสรรค์ภาพนี้ขึ้นมาในปี ค.ศ.1830 นั้นก็เพื่อรำลึกถึงการปฏิวัติฝรั่งเศส
และเพื่อสะท้อนถึง "เสรีภาพ" ไม่ใช่ "สาธารณรัฐ"
“มารียาน” นั้นเป็นสัญลักษณ์ถึง “ชัยชนะของสาธารณรัฐ” ที่มีต่อระบบกษัตริย์
แสดงถึงเสรีภาพและประชาธิปไตย และต่อต้านระบอบเผด็จการ


พระราชวังแวร์ซายมรดกโลกแห่งกรุงปารีส

    พระราชวังแวร์ซายมรดกโลกแห่งกรุงปารีส


                          


พระราชวังแห่งนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรุงปารีส อยู่ห่างจากใจกลางเมืองปารีสประมาณ 17 กิโลเมตร ตัวอาคารทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนละเมียดสีขาว มีสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ผสานกับลวดลายอันอ่อนช้อยบรรจง



                            


ในส่วนของ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องบรรทม, ห้องเสวย, ห้องสำราญ และห้องพำนักอื่นๆ จัดแสดงภาพวาด 6,123 ภาพ กับงานแกะสลักอีก 15,034 ชิ้น เรื่องน่าแปลกก็คือ มีการติดตั้งหน้าต่าง 2,153 บาน บันได 67 อัน และเตาผิงกว่า 1,315 เตา แต่กล้บไม่มีห้องน้ำสักห้องเดียว   


                            


   อีกจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การประดับตกแต่งด้วย โคมไฟระย้า หรือ แชนเดอเรีย ในทุกๆ จุด หรูหราควรค่าแก่การยกย่องให้เป็นพระราชวังที่งดงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจริงๆ                             ห้องกระจก หรือ The Hall of Mirrors เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ถูกก่อสร้างด้วยกระจกบานยักษ์ใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย ได้ยินมาว่า พระเจ้าหลุยที่ 14 ทรงควบคุมการก่อสร้างเองทั้งหมด  สถาปัตยกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวความรักและความงามตามชื่อเทพนิยายวีนัส ตกแต่งด้วยรูปปั้นชุนทรงศึกอันภูมิฐาน แบบโรมัน จากหลักฐานทางประวัติระบุว่า ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์ ได้เข้ามาพักที่ห้องนี้ก่อนเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยที่ 14


                           


                         


อาณาบริเวณกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาของพระราชวังแวร์ซาย รายล้อมด้วยสวนสวยที่ตกแต่งให้มีลวดลายวกวนราวกับเขาวงกต ประดับประดาด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมสัมฤทธิ์และหินอ่อนปั้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน โดดเด่นด้วย น้ำพุจากเทพนิยายกรีก Fountain of Latona  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยิ่งทำให้รอบพื้นที่ดูขลัง ทรงพลัง ดึงดูดเราให้เข้าไปอยู่ในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้อย่างไม่ยาก แต่รู้หรือไม่คะว่า? ความงามของที่แห่งนี้เคยเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมือง นำมาสู่การปฎิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา  
พระตำหนักเล็กๆ ของพระนางพระนางมารี อองตัวเนต และสวนดอกไม้ส่วนตัว ท่ามกลางหมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งพระนางทรงโปรดที่จะมาพักผ่อนคลายเครียด และใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดาทั่วไป

เยี่ยมพิพิธภัณฑ์น้ำหอมของแบรนด์เก่าแก่อย่าง Fragonard

                                       หอมกลิ่นปารีส
 



เยี่ยมพิพิธภัณฑ์น้ำหอมของแบรนด์เก่าแก่อย่าง Fragonard



Fragonard






Fragonard



เริ่มทำความรู้จักบทเรียนกลิ่น 101 ที่พิพิธภัณฑ์น้ำหอมเล็กๆ ใจกลางปารีส Fragonard เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส กำเนิดจาก Grasse เมืองหลวงแห่งน้ำหอมที่อยู่ทางใต้ของประเทศ โดย Eugène Fuchs ตั้งชื่อแบรนด์โดยเอานามสกุลของจิตรกรชื่อดังสมัยศตวรรษที่18 เป็นที่ตั้ง
ปัจจุบันแบรนด์น้ำหอมนี้ยังเป็นธุรกิจครอบครัวเดิม แม้จะมีร้านสาขามากมาย แต่ฉันอยากชวนให้มา Musée du Parfum Fragonard มากที่สุด เพราะที่นี่มีไกด์พาผู้ชมไปทำความรู้จักโลกแห่งกลิ่นและการสกัดน้ำหอม ตบท้ายด้วยห้องแห่งการช้อปที่เราจะได้ลองดมกลิ่นและทายดอกไม้ที่เป็นส่วนผสม ที่สำคัญพิพิธภัณฑ์นี้เข้าฟรี ภายใน 1 ชั่วโมง เราได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับจมูกไปเต็มๆ





Fragonard (ฟราโกนาร์ด) เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส มีต้นกำเนิดที่เมืองกราสส์ มีอายุเกือบ 100 ปี และปัจจุบันยังเป็นกิจการของครอบครัวที่ก่อตั้ง น้ำหอมและเครื่องประทินผิวของฟราโกนาร์ดมีชื่อเสียงในหมู่คนเล่นเครื่องหอม แต่หาซื้อไม่ได้ง่ายๆ นอกประเทศ การทำมิวเซียมดีๆ ฟรีให้คนทั่วไปเข้าชมข้างร้านสาขาปารีสเป็นวิธีที่ทำให้แบรนด์มีคุณค่า น่ารู้จักและน่าช้อปขึ้นมาเป็นกอง
นิทรรศการฟรีที่นี่เล่าเรื่องกลิ่นอย่างสวยและสนุก โดยไกด์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำหอมพาผู้ชมเดินเป็นกลุ่มๆ แบ่งเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังมีเยาวชนมาทัศนศึกษา และคนฝรั่งเศสที่สนใจเรื่องกลิ่นมาเยี่ยมที่นี่อยู่เนืองๆ
แค่ตัวสถานที่ก็น่าตื่นเต้นแล้ว ก่อนเข้าไปชมกระบวนการทำน้ำหอม มัคคุเทศก์สาวเล่าว่า ตึกส่วนใหญ่ในปารีสเป็นตึกเก่า อาคารนี้เคยเป็นโรงละคร ที่สอนขี่จักรยาน ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่เปิดมานานร้อยกว่าปี ก่อนจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์น้ำหอมในท้ายที่สุด โครงสร้างที่นี่จึงมีร่องรอยของหลายยุคสมัยปะติดปะต่อกัน    ภายในมิวเซียมจัดแสดงตู้วัตถุดิบและอุปกรณ์สำหรับผลิตน้ำหอมตั้งแต่ยุคโบราณ เช่น โหลแก้ว ถ้วยตวงเก่า อำพันทะเล (อ้วกปลาวาฬ) ชะมดเช็ด ไปจนถึงดอกไม้ต้นไม้สร้างกลิ่นหอมนำเข้าจากประเทศต่างๆ และยังจัดแสดงวิธีการผลิตน้ำหอมแบบศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่เก็บดอกไม้ ไปจนถึงการกลั่นวัตถุดิบในหม้อใหญ่เพื่อทำหัวน้ำหอม



ต่อจากการดมก็เป็นการดู มิวเซียมนี้จัดแสดงขวดน้ำหอมและอุปกรณ์ใส่ของหอมจำนวนมาก เพราะ Jean-François Costa พ่อของสามสาวพี่น้องผู้บริหาร Fragonard รุ่นปัจจุบันเป็นนักสะสมตัวยง ฉันเลยได้เห็นแจกันเมโสโปเตเมีย เซรามิกกรีก ตลับขี้ผึ้งสำหรับห้อยเข็มขัด จี้ห้อยคอและแหวนใส่น้ำหอม พร้อมกับขวดทรงพิสดารอีกมากมาย ใครจะรู้ว่าดีไซน์ขวดน้ำหอมนี่เปรี้ยวมาตั้งแต่พันปีที่แล้ว แถมที่นี่ยังจัดแสดงกล่องบรรจุภัณฑ์ที่แสดงยี่ห้อแบรนด์ต่างๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 กราฟิกโบราณนี่ก็สวยงามใช่ย่อย อาจเพราะน้ำหอมเป็นสินค้ารุ่มรวยรื่นรมย์ การออกแบบที่เกี่ยวข้องจึงต้องเจริญตาเจริญใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการรับรู้ทางจมูก ไม่น่าแปลกใจที่รูปลักษณ์สวยๆ เหล่านี้เพิ่มมูลค่าให้น้ำหอมราคาแพงขึ้นด้วย

จบเรื่องประวัติศาสตร์น้ำหอมก็เข้าสู่เรื่องแบรนด์ฟราโกนาร์ด ชื่อนี้ไม่ใช่นามสกุลตระกูลผู้ก่อตั้ง แต่เป็นนามสกุลของจิตรกรชื่อดังในยุคศตวรรษที่ 18 Jean-Honoré Fragonard ซึ่งเป็นชาวเมืองกราสส์ Eugène Fuchs ผู้ก่อตั้งเลือกใช้ชื่อของเขาเพื่อสื่อถึงการอุทิศให้กับเมืองกราสส์และศาสตร์การปรุงน้ำหอมแบบดั้งเดิม เอกลักษณ์ของแบรนด์คือขวดสีทองเรียบง่าย ในห้องนี้จะมี blind test กลิ่นให้เราดมและทายต้นตอกลิ่นหอมกันให้สนุก
ไกด์สาวเล่าว่า ถ้าอยากเรียนเวิร์กช็อปทำน้ำหอมอย่างจริงจัง พิพิธภัณฑ์นี้เปิดสอนทำโคโลญจน์สัปดาห์ละครั้งทุกวันเสาร์ โดยนักเรียนจะได้เลืิอกผสมกลิ่นด้วยตัวเองด้วยนะ